ประวัติความเป็นมา

พ.ศ.

2530

  • บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) เริ่มก่อตั้งโดยครอบครัวชวนะนันท์ และจัดตั้งขึ้นเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2530 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบในจังหวัดชุมพร โดยเริ่มต้นจากความสนใจลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืนจากความต้องการพื้นฐานในการอุปโภคบริโภคไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม อีกทั้งการอุปโภคบริโภคมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามจำนวนประชากรโลก

พ.ศ.

2533

  • ในเดือนกุมภาพันธ์บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 65 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 15 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปใช้ลงทุนสร้างโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบและใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ
  • ในเดือนกุมภาพันธ์ บริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัด เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 100 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 50 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ

พ.ศ.

2534

  • บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์โดย มีกำลังการผลิตเริ่มต้น 20 ตันผลปาล์มทะลายต่อชั่วโมง

พ.ศ.

2537

  • ในเดือนพฤศจิกายน บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 80 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 15 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปใช้ในขยายกำลังการผลิตโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ
  • ในเดือนพฤศจิกายน บริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัดเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 120 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ

พ.ศ.

2539

  • ในเดือนกรกฎาคม บริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัดเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 170 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 50 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปใช้ใน เป็นทุนหมุนเวียนเพิ่มเติมในการดำเนินกิจการ

พ.ศ.

2545

  • บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบในส่วนต่อขยาย 40 ตันผลปาล์มทะลายต่อชั่วโมง โดยกลุ่มบริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวม 60 ตันผลปาล์มทะลายต่อชั่วโมง

พ.ศ.

2550

  • บริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัด เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ 60 ตันปาล์มสดต่อชั่วโมง โดยกลุ่มบริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวม 120 ตันปาล์มสดต่อชั่วโมง

พ.ศ.

2551

  • ก่อตั้ง บริษัท วีจี เอ็นเนอร์ยี จำกัด เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2551 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจทางด้านพลังงานทดแทนจากการนำของเสียหรือสิ่งเหลือใช้ของโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ
  • ในเดือนกันยายน บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัดเพิ่มทุนเป็น 200 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 120 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปใช้ใน เพื่อเตรียมการขยายกำลังการผลิตโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ
  • บริษัท วีจี เอ็นเนอร์ยี จำกัด ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในวันที่ 18 ธันวาคม 2551

พ.ศ.

2552

  • ในเดือนเมษายน บริษัท วีจี เอ็นเนอร์ยี จำกัดเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 138 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 137 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปใช้ในการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานชีวภาพ

พ.ศ.

2553

  • ในเดือนธันวาคม บริษัท วีจี เอ็นเนอร์ยี จำกัดเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 180 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 42 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปใช้ในการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานชีวภาพ

พ.ศ.

2554

  • บริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัด ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2008
  • บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ 60 ตันปาล์มสดต่อชั่วโมง โดยกลุ่มบริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวม 180 ตันปาล์มสดต่อชั่วโมง

พ.ศ.

2555

  • ก่อตั้ง บริษัท วิจิตรภัณฑ์โลจิสติกส์ จำกัด ในวันที่ 6 สิงหาคม 2555 ด้วยทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท เพื่อดูแลธุรกิจขนส่งผลิตภัณฑ์จากปาล์มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายในกลุ่ม

พ.ศ.

2556

  • ในเดือนธันวาคมบริษัท วีจี เอ็นเนอร์ยี จำกัดเพิ่มทุนเป็น 470 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 290 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัท
  • ในเดือนธันวาคม 2556 บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด ซื้อหุ้นร้อยละ 70.60 ของบริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัด เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจากร้อยละ 29.40 เป็นร้อยละ 100 และเข้าถือหุ้น ร้อยละ 100 ในบริษัท วิจิตรภัณฑ์โลจิสติกส์ จำกัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการของบริษัทภายในกลุ่ม เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัทกลุ่มเดียวกัน

พ.ศ.

2557

  • บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ใช้ชื่อว่า บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) เพื่อการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปและนำหุ้นเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  • ในเดือนเมษายน บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนจำนวน 870 ล้านบาท และลดมูลค่าหุ้นลงเหลือมูลค่าหุ้นละ 1 บาท ทำให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนรวม 1,070 ล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,070 ล้านหุ้น หุ้นละ 1 บาท

พ.ศ.

2558

  • ได้มีมติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2558 ให้ลดทุนจดทะเบียน จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,070 ล้านบาท เป็น 940 ล้านบาท โดยตัดหุ้นสามัญส่วนที่ยังมิได้ออกจำหน่ายจำนวน 130 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวมทั้งสิ้น 130 ล้านบาทต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2558
  • หนังสืออนุญาต ให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติจากกรมป่าไม้ในลักษณะพื้นที่สัมปทานในตำบลหงษ์เจริญ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ของ บริษัท วิจิตรภัณฑ์สวนปาล์ม จำกัด เนื้อที่ 19,835 ไร่ 3 งาน 75 ตารางวา และบริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด เนื้อที่ 9,334 ไร่ 75 ตารางวา ได้หมดอายุแล้วในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 และวันที่ 17 ตุลาคม 2558 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว

พ.ศ.

2559

  • บริษัทฯและบริษัทย่อยได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลางกรณีการพิจารณาคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์บนพื้นที่สัมปทานเดิมที่ล่าช้าพร้อมทั้งขอให้มีคำสั่งคุ้มครองบริษัทและบริษัทย่อยระหว่างพิจารณาคำขอ โดยเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2559 ศาลปกครองได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้บริษัทฯและบริษัทย่อยเข้าดูแลและจัดเก็บผลปาล์มในพื้นที่สัมปทานเนื้อที่ 7,109 ไร่ 2 งาน 39 ตารางวา และ 16,256 ไร่ 2 งาน 34 ตารางวา ตามลำดับ
  • บริษัทเพิ่มทุนในบริษัทย่อยคือบริษัทวิจิตรภัณฑ์โลจิสติกส์ จำกัด เพื่อหมุนเวียนในกิจการจำนวน 5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2559

พ.ศ.

2560

  • เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 บริษัทได้รับหนังสือกรมป่าไม้ ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายคือ ค่าภาคหลวงและค่าบำรุงรักษาป่า (วันที่ 24 พฤษภาคม 2553 จนถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2558) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 152,878,343.58 บาท ที่ปรึกษาทางกฎหมายของบริษัทให้ความเห็นว่าตามสัญญาเช่าและข้อตกลงของคู่สัญญากำหนดให้บริษัทต้องชำระค่าตอบแทนการเข้าใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโดยการชำระค่าเช่าตามที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นรายปี และจากข้อสัญญาและข้อกฎหมายบริษัทไม่เข้าข่ายที่ต้องชำระค่าภาคหลวงและค่าบำรุงรักษาป่าตามหนังสือกรมป่าไม้ที่เรียกเก็บมา บริษัทฯจึงได้ตอบปฏิเสธการชำระค่าเสียหายเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560
  • เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 นายพิศณุ ชวนะนันท์ ลาออกจากการดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560
  • ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติแต่งตั้ง นายบัณฑูร สุภัควณิช เป็นประธานกรรมการแทน นายพิศณุ ชวนะนันท์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป